|
: ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ |
18.30 น. |
พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 9 เคาน์เตอร์ U สายการบิน Turkish Airlines เจ้าหน้าที่ ช้างน้อย ฮอลิเดย์
คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
|
21.30 น. |
ออกเดินทางบินตรงสู่ กรุงอิสตันบูล โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK-65 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
|
|
: อิสตันบูล ~ ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส ~ คูซาดาซึ |
04.00 น. |
เดินทางถึง สนามบินนานาชาติ อตาเติร์ก กรุงอิสตันบูล หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง นำทุกท่านเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองอิสตันบูล
บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำทุกท่าน ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส จุดที่บรรจบกันของทวีปยุโรปและเอเชีย ซึ่งทำให้ประเทศตุรกีได้รับสมญานามว่า ดินแดนแห่งสองทวีป ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เนื่องจากเป็นเส้นทางเดินเรือที่เชื่อมทะเลดำทะเลมาร์มาร่า เราจะได้เห็นป้อมปืนที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบ ได้แก่ Rumeli Castle และ Anatolia Castle โดยจุดชมวิวที่สำคัญคือสะพาน แขวนบอสฟอรัส เชื่อให้รถยนต์สามารถวิ่งข้ามฝั่งยุโรปและเอเชียได้ สร้างเสร็จในปี ค.ศ.1973 มีความยาวทั้งสิ้น 1,560 เมตร และได้กลายเป็นสะพานแขวนที่ยาวเป็นอันดับ 4 ของโลกในสมัยนั้น (ปัจจุบันตกไปอยู่อันดับที่ 21) ขณะที่ล่องเรือพร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศสองข้างทาง ซึ่งสามารถมองเห็นได้ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาเช่ และบ้านเรือนของบรรดาเหล่าเศรษฐีที่สร้างได้สวยงามตระการตา
หลังจากนั้นนำทุกท่านออกเดินทางสู่ เมืองคูซาดาซึ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชม. (560 กม.)
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหารนำทุกท่านออกเดินทางต่อสู่ เมืองคูซาดาซึ
|
เย็น |
บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
|
ที่พัก |
โรงแรม KUSADASI SEAPORT HOTEL & SPA หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
|
|
: คูซาดาซึ ~ ปามุคคาเล่ |
เช้า |
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารนำท่านเข้าชม House of Virgin Mary บ้านพระแม่มารี ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ ชม วิหารเทพีอาร์เทมิสโบราณ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ สร้างด้วยหินอ่อนเป็นสถาปัตยกรรมกรีกแบบไอโอนิค และมีเสาหินตั้งตระหง่านรอบวิหารมากกว่า 100 ต้น ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้
จากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองโบราณเอฟฟิซุส เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (Ionia) จากกรีก ซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมือง ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุส ขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน นำท่านเดินบนถนนหินอ่อนผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้ นำท่านชม ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (ROMAN BATH) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำ ให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้, ห้องสมุดโบราณ ที่มีวิธีการเก็บรักษาหนังสือไว้ได้เป็นอย่างดีทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบ เฮเลนนิสติคที่มีความอ่อนหวานและฝีมือประณีต
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหารนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม. (189 กม.) เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดิน ผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผา นำท่านชม ปราสาทปุยฝ้าย ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆ หลายชั้น และผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมาก ท่านจะได้สัมผัส เมืองเฮียราโพลิส (Hierapolis) เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อน ซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรค เมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลง เหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไป บางส่วนยังพอมองออกว่าเดิมเคยเป็นอะไร เช่น โรงละคร แอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่ วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ เป็นต้น
|
เย็น |
บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
|
ที่พัก |
โรงแรม PAMUKKALE LYCUS RIVER HOTEL หรือเทียบเท่า
|
|
: ปามุคคาเล่ ~ คัปปาโดเกีย |
เช้า |
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองคอนย่า (Konya) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุก ระยะทาง 387 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหารนำทุกท่านสู่ พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า (Mevlana museum) เดิมเป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามทำสมาธิ โดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ย ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟลาน่า เจลาลุคดิน รูมี่ อาจารย์ทางปรัชญาประจำราชสำนักแห่งสุลต่านอาเลดิน เคย์โคบาท ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในประดับฝาผนังแบบมุสลิม และยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์ บิดา และบุตร ของเมฟลาน่าด้วย
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) ระยะทาง 215 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที ระหว่างทางแวะชม Caravansarai ที่พักของกองคาราวานในสมัยโบราณ เป็นสถานที่พักแรมของกองคาราวานตามเส้นทางสายไหมและชาวเติร์กสมัยออตโตมัน
|
เย็น |
บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
|
หลังอาหาร |
หลังอาหารนำท่านชมการแสดงพื้นเมือง “ระบำหน้าท้อง” หรือ Belly Dance เป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่ง เกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 6000 ปี ในดินแดนแถบอียิปต์ และเมดิเตอร์เรเนียน นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่า ชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึง ปัจจุบัน และการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลาย มีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงาม จนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน (บริการเครื่องดื่มฟรีตลอดการแสดง)
|
ที่พัก |
โรงแรม CAPPADOCIA GOLD YILDIRIM HOTEL หรือเทียบเท่า
|
|
: คัปปาโดเกีย |
เช้า |
** สำหรับท่านใดที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความงามของเมืองคัปปาโดเจีย จะต้องออกจากโรงแรม 05.30 น. เพื่อชมความงดงามของเมืองคัปปาโดเจียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาอยู่บอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง **
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารนำทุกท่านสู่ นครใต้ดิน (Underground City of Derinkuyu or Kaymakli) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกเป็นมรดกโลก เมืองใต้ดินของตุรกีมีอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งมีอุโมงค์เชื่อมต่อถึงกัน เป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมัน ที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์ สำหรับที่เราไปชมวันนี้เป็นเมืองใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ มีถึง 10 ชั้น แต่ละชั้นมีความกว้างและสูงขนาดเท่าเรายืนได้ ทำเป็นห้อง ๆ มีทั้งห้องครัว ห้องหมักไวน์ มีโบสถ์ ห้องโถงสำหรับใช้ประชุม มีบ่อน้ำ และระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบาเพราะอยู่ลึก และทางเดินบางช่วงค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหารนำทุกท่านเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ที่ เมืองเกอเรเม (Goreme) ซึ่งยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์
ชม หุบเขาอุซิซาร์ (Uchisar Valley) หุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาดังกล่าวมีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อาศัย และถ้ามองดี ๆ จะรู้ว่าอุซิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ดังนั้นในอดีตอุซิซาร์ ก็มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย จากนั้นนำท่านแวะ ชมโรงงานทอพรม โรงงานเซรามิค อิสระกับการเลือกซื้อสินค้า และของที่ระลึก
|
เย็น |
บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
|
ที่พัก |
โรงแรม CAPPADOCIA GOLD YILDIRIM HOTEL หรือเทียบเท่า
|
|
: คัปปาโดเกีย ~ อังการ่า |
เช้า |
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารเดินทางสู่ เมืองอังการ่า เมืองหลวงของประเทศตุรกี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ระหว่างทางให้ท่านได้แวะถ่ายรูปและชมวิวของ ทะเลสาบเกลือ (Salt Lake) จากนั้นนำทุกท่านเดินทางต่อสู่ เมืองอังการ่า หรือที่มีชื่อตามประวัติศาสตร์ว่า Angora เป็นเมืองหลวงของตุรกีในปัจจุบัน และเป็นเมืองใหญ่อันดับ ๒ รองจากนครอิสตันบูล กรุงอังการาตั้งอยู่ในเขต Central Anatolia ใจกลางประเทศตุรกีบนที่ราบสูงอนาโตเลีย โดยอยู่ห่างจากนครอิสตันบูลทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นระยะทางประมาณ 450 กิโลเมตร กรุงอังการาเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ส่วนราชการต่าง ๆ และสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่าง ๆ ในตุรกี ความสำคัญของกรุงอังการา กรุงอังการามีประชากรจำนวน 4,965,542 คน ทำให้กรุงอังการาเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ ๒ ของตุรกี และอันดับ ๒ ในกลุ่มเมืองหลวงยุโรป ในขณะที่นครอิสตันบูลเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภูมิภาคมาร์มารานั้น กรุงอังการาก็เป็นศูนย์กลางทางการค้าและเครือข่ายคมนาคมในภูมิภาคอนาโตเลีย โดยเป็นจุดตัดของการคมนาคมทางบก (รถยนต์และรถไฟ) ที่เชื่อมโยงภูมิภาคต่าง ๆ ของตุรกีเข้าด้วยกัน และเป็นศูนย์กลางตลาดสินค้าเกษตรที่ขนส่งมาจากภาคต่างๆ ทั่วตุรกีด้วย
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหารนำทุกท่านเดินทางสู่ สุสานอตาเติร์ก (ATATURK MAUSOLEUM) เป็นอนุสรณ์สถานและสุสานของ MUSTAFA KEMAL ATATURK ซึ่งเป็นผู้นำในสงครามกู้ อิสรภาพของตุรกีหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกี และประธานาธิบดีคนแรกเป็นสุสานของ ISMET INONU ประธานาธิบดีคนที่ 2 ของตุรกีด้วย อนุสรณ์สถานออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1944 – 1953 ในธนบัตรตุรกีที่พิมพ์ระหว่างปี 1966 – 1987 และ 1999 – 2009 จะเป็นรูป ANITKABIRด้วย สุสานอตาเติร์ก (Anitkabir หรือ Memorial Tomb หรือ Atatürk Mausoleum)
นำทุกท่านเดินทางต่อสู่กรุงอิสตันบูล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม. ระยะทาง 450 กม.
|
เย็น |
บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
|
ที่พัก |
โรงแรม RAMADA GOLDEN HORN HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
|
|
: อิสตันบูล |
เช้า |
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำทุกท่านสู่ จัตุรัสสุลต่านอะห์เมต หรือ ฮิปโปโดรม สนามแข่งม้าของชาวโรมัน จุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ เซปติมิอุส เซเวรุส เพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆ ของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนติน ฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้น ตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็น ที่จัดงานพิธี แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมต ซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์ 3 ต้น คือ เสาที่สร้างในอียิปต์ เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูล เสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือ เสาคอนสแตนตินที่ 7 จากนั้นไม่ไกลนำทุกท่านชม Blue Mosque หรือ Sultan Ahmet Mosque ถือเป็นสุเหร่าที่มีสถาปัตยกรรมเป็นสุดยอดของ 2 จักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวมเอาองค์ประกอบจากวิหารเซนต์โซเฟียผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี สามารถจุคนได้เรือนแสน ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 7 ปี ระหว่าง ค.ศ.1609-1616 โดยตั้งชื่อตามสุลต่านผู้สร้างซึ่งก็คือ Sultan Ahmed นั้นเอง
จากนั้นนำทุกท่านชม สุเหร่าเซนต์โซเฟีย(Saint Sophia) หรือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ พระเจ้าจักรพรรดิคอนสแตนติน เป็นผู้สร้างเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่13 ใช้เวลาสร้าง 17 ปี เพื่อเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์ แต่ถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาเสียวอดวายหลายครั้ง เพราะเกิดการขัดแย้งระหว่างพวกที่นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลาม จวบจนถึงรัชสมัยของ พระเจ้าจัสตินเนียน มีอำนาจเหนือตุรกี จึงได้สร้าง โบสถ์เซนต์โซเฟีย ขึ้นใหม่ ใช้เวลาสร้างฐานโบสถ์ 20 ปี ตัวโบสถ์ 5 ปี เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1996 (ค.ศ 1435) พระองค์ต้องการให้เป็นสิ่งสวยงามที่สุดได้พยายามหา สิ่งของมีค่าต่างๆ มาประดับไว้มากมาย สร้างเสร็จได้มีการเฉลิมฉลองกันอย่าง มโหฬาร ต่อมาเกิดแผ่นดินไหวอย่างใหญ่ทำให้แตกร้าวต้องให้ช่างซ่อมจนเรียบร้อยในสภาพเดิม เมื่อสิ้นสมัยของจักรพรรดิจัสตินเนียน ถึงสมัย พระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่ 2 มีอำนาจเหนือตุรกี และเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามจึงได้ดัดแปลงโบสถ์หลังนี้ให้เป็นสุเหร่าของชาวอิสลาม
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังจากนั้นนำทุกท่านชม พระราชวัง Topkapi ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าซึ่งถือเป็นเขตประวัติศาสตร์ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 พระราชวัง Topkapi สร้างขึ้นโดยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 ในปี ค.ศ.1459 บนพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 4 ลานกว้าง และมีอาคารขนาดเล็กอีกจำนวนมาก ณ จุดที่สร้างพระราชวังแห่งนี้สามารถมองเห็นช่องแคบบอสฟอรัส โกลเดนฮอร์นและทะเลมาร์มาร่าได้อย่างชัดเจน ในช่วงที่เจริญสูงสุดของอาณาจักรออตโตมัน พระราชวังแห่งนี้มีราชวงศ์และข้าราชบริพารอาศัยอยู่รวมกันมากถึงสี่พันกว่าคน นำท่านเข้าชมส่วนของท้องพระโรงที่เป็นที่จัดแสดงทรัพย์สมบัติ ข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์เครื่องเงินต่างๆ มากมาย
นำท่านสู่ ตลาดสไปซ์มาร์เก็ต (Spice Market) หรือตลาดเครื่องเทศ ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึก เครื่องประดับ ชา กาแฟ ผลไม้อบแห้ง ขนมของหวานขึ้นชื่อและถั่วหลากหลายชนิดให้เลือกสรร ได้เวลาอันสมควรนำทุกท่านเดินทางสู่สนามบิน
|
20.10 น. |
ออกเดินทางสู่ กรุงเทพมหานคร โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK-64
|
|
: ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ |
09.25 น. |
ถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิ์ภาพพร้อมความประทับใจ |