|
: สุวรรณภูมิ ~ พาโร ~ พาโรซอง ~ National Museum ~ ตาชิโชซอง |
04.30 น. |
พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตูทางเข้าที่ 10 เคาน์เตอร์ W สายบิน Bhutan Airlines เจ้าหน้าที่ ช้างน้อย ฮอลิเดย์
คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
|
06.00 น. |
ออกเดินทางสู่เมืองพาโร ประเทศภูฏาน โดยสายการบิน Bhutan Airline เที่ยวบินที่ B3-701(มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (เครื่องบินแวะรับส่งผู้โดยสารที่เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดียประมาณ 45 นาที ***ไม่ต้องลงจากเครื่อง***)
|
09.55 น. |
เดินทางถึงสนามบินพาโร ประเทศภูฏาน นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นแต่ละท่านรับกระเป๋าสัมภาระที่โหลดตรวจเช็คให้เรียบร้อยและออกเดินทางเข้าสู่ตัว เมืองพาโร
ประเทศภูฏาน เป็นประเทศเล็กๆที่เป็นดินแดนรวมแหล่งอารยธรรมต่างๆในอ้อมกอดแห่งขุนเขาหิมาลัย เป็นประเทศที่พุทธศาสนาแบ่งบานอยู่ท่ามกลางเทือกเขาหิมาลัย ประชาชนชาวภูฏานมีธรรมมะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ประชาชนดำรงชีวิตกันอยู่อย่างเรียบง่ายไม่วุ่นวาย และความสุขของคนภูฏานวัดกันได้ที่ใจ.. ความสุขอยู่ที่จิตใจที่มีแต่รอยยิ้ม.. และความเป็นมิตรแก่ผู้คนทั้งโลก ทุกท่านจะได้สัมผัสบ้านเมืองที่ เมืองพาโรซึ่งเป็นเมืองที่ถูกโอบอยู่ในวงล้อมของขุนเขา บนระดับความสูง 2,280 เมตร มีแม่น้ำปาชูไหลผ่าน อาคารบ้านเรือนจะเป็นสไตล์ภูฏานแท้ กรอบหน้าต่างไม้ลวดลายสีสันสดใส
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังอาหารนำท่านเที่ยวชม
พาโรซอง หรือ พาโรริงปูซอง ป้อมปราการและวิหารหลวงแห่งเมืองพาโร พาโรซองนับเป็นตัวอย่างสถาปัตยกรรมแบบภูฏานที่สมบูรณ์แบบที่สุด ทุกท่านจะเห็นถึงกำแพงสีขาวที่ก่อตัวขึ้นเป็นป้อมปราการสามารถเห็นได้ชัดเจนเป็น Landmark ของเมืองพาโร ตัวซองสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1644 โดย ท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล พระอริยสงฆ์ ซึ่งเป็นผู้นำทางจิตวิญญานและเป็นผู้รวบรวมประเทศภูฏานให้เป็นปึกแผ่น รวมถึงเป็นผู้วางระบบการบริหารงานและระบอบปกครองประเทศ ปัจจุบันเป็นสถานที่ทำงานของรัฐบาล รวมทั้งเป็นที่ตั้งขององค์กรบริหารสงฆ์ประจำเขตปกครองนั้นๆ ทางเข้าพาโรซองมี สะพานแขวนไม้ทอดผ่านข้ามแม่น้ำ เป็นอีกจุดที่ควรถ่ายรูปเก็บภาพความประทับใจ
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บรวบรวมหน้ากากศิลปะแบบพุทธมหายาน นิกายตันตระ ภาพพระบฏ อาวุธ เหรียญกษาปณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ รวมถึงจัดแสดงความหลากหลายทางธรรมชาติอันสมบูรณ์ของประเทศเพื่อให้ทุกท่านได้รู้จักภูฏานมากขึ้น ตรงข้ามกับอาคารพิพิธภัณฑ์ เป็นอาคารทรงกลมสีขาว เรียกว่า ตาซอง (Ta Dzong) หรือ หอคอย เดิมใช้เป็นหอสังเกตุการณ์ข้าศึกศัตรู เนื่องจากตัว Dzong สร้างอยู่บนเนินสูง สามารถมองวิวตัวเมืองพาโรได้ครอบคลุม (นำทุกท่านถ่ายรูปด้านนอก เนื่องจากขณะนี้ Ta Dzong กำลังปิดปรับปรุง)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองทิมพู เมืองหลวงของประเทศภูฏานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1961 ใช้เวลาการเดินทางประมาณ 1 ชม. ระหว่างทางผ่านชม วัดตัมชู Tamchoe Monastery คือ จุดชมวิววัดตัมชู ตรงจุดบรรจบของแม่น้ำปาโรชูกับแม่น้ำทิมพูชู คือวัดตัมชู หรือวัดเขายอดอาชา จะตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายท่ามกลางทิวทัศน์ที่มีแม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน ท่านลามะทังทนเกลโป ซึ่งเป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้นพร้อมสะพานเหล็กอีกสายหนึ่งขึ้นที่นี่ แต่สะพานถูกน้ำพัดทำลายลงในปี ค.ศ. 1969 สะพานที่เห็นในปัจจุบันเป็นของที่ใช้โซ่เหล็กสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 2005 โดยเลียนแบบสะพานสายเดิม
ตาชิโชซอง มหาปราการแห่งศานาและวิหารหลวงแห่งเมืองทิมพู (วันธรรมดาเปิดหลัง16.30น. / เสาร์-อาทิตย์ เปิดทั้งวัน) ตาซิโซซอง หมายถึง ป้อมแห่งศาสนาอันเป็นมงคล สร้างในสมัยศตวรรษที่ 12 โดยท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล ปัจุบันเป็นสถานที่ทำงานของพระมหากษัตริย์ สถานที่ทำการของกระทรวงต่างๆ และวัด รวมทั้งเป็นพระราชวังฤดูร้อนของพระสังฆราช และบริเวณอันใกล้ท่านจะได้เห็นวังที่ประทับส่วนพระองค์ของพระราชาธิบดีจิกมี่ด้วย
|
เย็น |
บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
|
ที่พัก |
Gyelsa Hotel หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน
|
|
: ทิมพู ~ โดชูลาพาส ~ วัดชิมิลาคัง ~ พูนาคาซอง |
เช้า |
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังอาหารนำท่านชม
National Memorial Chorten อนุสรณ์มหาสถานแด่กษัตริย์รัชกาลที่ 3 แห่งประเทศภูฏานสร้างในปี ค.ศ.1974 มีผู้คนมากมายเดินทางมาแสวงบุญและสวดมนต์ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ
เมืองพูนาคา (Punakha) พูนาคา เป็นเมืองหลวงเก่าของภูฏานจนถึงปี ค.ศ. 1955 ก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองทิมพู ระยะทางประมาณ 72 กิโลเมตร (ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง) ระหว่างทางท่านจะได้ชมวิวทิวทัศน์ของทุ่งนาขั้นบันได และดอกไม้ที่บานตลอดเส้นทางสวยงามเป็นอย่างมาก ผ่านชม ป้อมซิมโตคาซอง สร้างในปี ค.ศ.1629 ป้อมแห่งนี้มีชัยภูมิที่ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญแห่งเมืองทิมพู ถือเป็นป้อมปราการแห่งแรกที่ท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล สร้างขึ้น เมืองพูนาคาอยู่ระดับความสูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้เมืองพูนาคามีอากาศอบอุ่นกว่าเมืองพาโรและเมืองทิมพู
โดชูลาพาส ชมความงามของ เจดีย์ดรุกวังเยลลาคัง สถูปแห่งชัยชนะ ชม 108 สถูป อนุสรณ์สถานที่มีต่อกองกำลังกลุ่มหัวรุนแรงที่ยึดพื้นที่ทางภาคใต้ของภูฏาน ตั้งอยู่บนระดับความสูง 3,150 เมตร จากระดับน้ำทะเล พร้อมดื่มด่ำธรรมชาติทิวทัศน์ของภูเขาหิมาลัยด้านตะวันตกอันตระการตา และยอดเขาต่างๆเรียงรายกัน รวมไปถึงยอดเขาที่สูงที่สุดอย่างกังกาพุนซุม ซึ่งมีความสูงถึง 7,540 เมตร จากนั้นเดินทางต่อสู่เมืองพูนาคา
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังอาหารนำท่านชม
วัดชิมิลาคัง (ใช้เวลาเดินประมาณครึ่งชั่วโมง) วัดที่อยู่บนยอดเนินกลางหุบเขา สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1499 โดยลามะที่มีชื่อเสียงมาก นามว่าท่าน Lama Drukpa Kunley ที่วัดแห่งนี้ชาวบ้านเชื่อกันว่าหากใครมาอธิษฐานขอบุตรก็จะได้สมใจ
พูนาคาซอง (Punakha Dzong) ป้อมปราการประจำเมืองพูนาคา สร้างขึ้นในปี 1637 โดยซับดรุง งาวังนัมเกล ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น พระราชวังแห่งความสุขอันยิ่งใหญ่ “Palace of Great Happiness” และเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่สวยงามที่สุดในภูฏาน เป็นป้อมที่สร้างเป็นอันดับสองของภูฏาน ในอดีตเมื่อครั้งเมืองพูนาคายังเป็นเมืองหลวง ป้อมแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นที่ทำการของรัฐบาล ปัจจุบันเป็นที่พักในฤดูหนาวของพระชั้นผู้ใหญ่ ป้อมนี้ตั้งอยู่ ณ บริเวณที่แม่น้ำ Pho chu และ แม่น้ำ Mo chu ไหลมาบรรจบกัน อีกทั้งเป็นสถานที่ท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล มรณภาพที่นี่ และปัจจุบันก็ได้เก็บรักษาร่างของท่านอยู่ภายใน ท่านจะได้เห็น ลามะ (พระสงฆ์) จำนวนมากที่กำลังศึกษาพระธรรมและสวดมนต์
|
เย็น |
บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร หลังอาหารพักผ่อนตามอัธยาศัย
|
ที่พัก |
Meri Puensum Hotel หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน
|
|
: พูนาคา ~ ทิมพู ~ พระศรีสัจจธรรม ~ สวนสัตว์แห่งชาติ ~ ห้องสมุดแห่งชาติ ~ พาโร |
เช้า |
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองทิมพู ตามเส้นทางเดิม ชมทัศนียภาพสองข้างทางและเทือกเขาหิมาลัยที่มีความสวยงาม ที่จะเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ได้มาเยือนภูฏาน
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังอาหารนำท่านชม
ที่ทำการไปรษณีย์ภูฏาน ทุกท่านสามารถถ่ายรูปทำแสตมป์ที่ระลึก อีกทั้งสามารถเลือกซื้อดวงตราไปรษณียากรที่งดงามของภูฎาน มีให้เลือกหลายรูปแบบและราคา ทั้งรูปวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ รูปวัดและป้อมปราการที่เรียกว่าซอง (Dzong) รูปสัตว์ รูปดอกไม้ต่างๆ ซึ่งดวงตราไปรษณียกรของภูฏานถือเป็นหนึ่งในของน่าซื้อที่ทุกท่านไม่ควรพลาด
หอสมุดแห่งชาติ ซึ่งทุกท่านจะได้ชมหนังสือภาพถ่ายของประเทศภูฏานที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวบรวมภาพถ่ายสถานที่ต่างๆในภูฏานทั้งหมด ซึ่งหากท่านใดสนใจสามารถซื้อเล่มย่อเป็นของที่ระลึกได้ ซึ่งทางหอสมุดจัดจำหน่ายในราคาย่อยเยา นอกจากนี้ท่านยังสามารถหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับประเทศภูฏานอื่นๆได้อีกด้วย
โรงเรียนสอนงานศิลปะ (School of Art & Craft) (โรงเรียนอาจมีการปิดเนื่องจากวันหยุดที่ไม่แน่นอน) ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริที่ต้องการอนุรักษ์และสืบทอดศิลปะของภูฏานทั้ง 13 แขนง โดยหลักสูตรจะแบ่งเป็นตั้ง 2 -6 ปี ที่โรงเรียนแห่งนี้ ทุกท่านจะได้เห็นนักเรียนกำลังวาดรูป ทอผ้า ตัดเย็บ แกะสลัก และทำงานปั้นต่างๆอย่างขมักเขม้น รวมไปถึงทุกท่านยังสามารถสนับสนุนกิจการของนักเรียน ได้โดยการซื้อสินค้าหัตถกรรมจากฝีมือนักเรียนที่ร้านขายของที่ระลึกภายในโรงเรียนอีกด้วย
สวนสัตว์แห่งชาติของประเทศภูฏาน และชมสัตว์ประจำชาติทาคิน ที่มีรูปร่างลักษณะพิเศษผสมระหว่างแพะกับวัว มีแห่งเดียวในประเทศภูฏานเท่านั้น ซึ่งครั้งนึ่งประเทศสหรัฐอเมริกาเคยเจรจาของไปเลี้ยงแต่ได้รับการปฏิเสธจากรัฐบาลประเทศภูฏาน ทาคิน เป็นสัตว์ในตำนานประวัติศาสตร์ของศาสนาพุทธ โดยเชื่อว่าท่านลามะ Drukpa Kunley เป็นผู้สร้างขึ้นจากซากโครงกระดูกของวัวและแพะที่ท่านได้ทานเป็นอาหารไปแล้ว เมื่อท่านลามะทานอิ่มก็ได้นำเอาหัวแพะไปต่อกับกระดูกวัวและดีดนิ้วหนึ่งที กองกระดูกก็กลับพลันมีชีวิตเป็น ตัวทาคิน วิ่งออกไปกินหญ้าในทุ่งหญ้าและสืบพันธุ์มาจนถึงปัจจุบันนี้
สักการะองค์หลวงพ่อสัจจธรรม ที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก และได้รับความร่วมมือจากเศรษฐีชาวสิงค์โปร์ บริจาคเงินซื้อที่ดินและสร้างพระพุทธรูป ให้แก่รัฐบาลประเทศภูฏานให้ท่านไหว้ขอพรเพื่อเป็นศิริมงคล นำท่านชม จุดชมวิวซังเกกัง (Sangaygang) จุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของหุบเขาเมืองทิมพู เพื่อเก็บภาพประทับใจ
|
เย็น |
บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร หลังอาหารพักผ่อนกันตามอัธยาศัย
|
ที่พัก |
Meri Puensum Hotel หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน
|
|
: พิชิตวัดถ้ำพยัครเหิร วัดทักซัง |
เช้า |
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังอาหารนำท่านชม
วัดถ้ำพยัคฆ์เหิร ทักซัง” เป็นมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ที่องค์กูรูปัทมสัมภวะได้เดินทางมาบำเพ็ญภาวนาและเจริญสมาธิอยู่ในถ้ำบนชะง่อนเขา ตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 และท่านก็ยังเป็นผู้นำเอาศาสนาพุทธ เข้ามาเผยแผ่ยังดินแดนแห่งนี้ ตามความเชื่อของชาวภูฏาน กล่าวว่าท่านได้เหาะมาบนหลังเสือตัวเมีย มายังหน้าผาแห่งนี้เพื่อทำวิปัสนากรรมฐาน จึงได้ชื่อว่า ถ้ำเสือ (Tiger Nest) หลังจากที่สำเร็จสมาธิแล้ว ท่านจึงได้สร้างศาสนสถานแห่งนี้ขึ้น ชาวภูฏานมีความเชื่อว่าครั้งหนึ่งในชีวิต จะต้องได้ขึ้นมาแสวงบุญ เพื่อความเป็นสิริมงคลและเจริญก้าวหน้าของชีวิต
การเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ รถจะสามารถขึ้นได้แค่เนินเขาเท่านั้น จากนั้นทุกท่านสามารถเลือกเดินทางได้ 2 แบบ คือ เดินเท้า หรือ ขี่ม้า เท่านั้น (เนื่องจากปริมาณคนจูงม้าไม่เพียงพอต่อจำนวนนักท่องเที่ยว จึงอาจทำให้เกิดอันตรายในการเดินทางได้ ทั้งนี้ทางบริษัทฯจึงแนะนำให้เดินเท้าขึ้นเขาจะปลอดภัยกว่า แต่ถ้าท่านใด มีทักษะในการขี่ม้าขึ้นเขา หรือ อยากผจญภัย รบกวนแจ้งบริษัทฯล่วงหน้าเพื่อทำการจองม้าให้ท่าน ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ขึ้นไปยังวัด เส้นทางเป็นเนินเขาและมีหน้าผาสูงชันราว 3,000 เมตรจากด้านล่าง แนะนำนักท่องเที่ยวค่อยๆ เดินขึ้นไปช้าๆ ราว 2 ชม. จะถึงจุกพักครึ่งทาง พักดื่มน้ำชา กาแฟ ) จากนั้นเดินทางต่ออีกราว 1 ชม.ก็จะถึงสุดทางดินลูกรังสุดท้าย จากนั้นเส้นทางจะเปลี่ยนเป็นบันไดขึ้นลง 700 ขั้น สู่ยัง วัดทักซัง ด้านใน นำทุกท่านสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ ชมความงามของธรรมชาติที่สรรค์สร้างอย่างวิจิตรลงตัว
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารด้านบนระหว่างทางขึ้นทักซัง
หลังอาหารนำท่านเดินทางกลับเมืองพาโรโดยการเดินลง จากนั้นเดิทางต่อสู่ วัดคิชู ลาคัง หนึ่งในวัดที่เก่าแก่ในประเทศภูฏาน สมัยศตวรรษที่ 7 วัดนี้เป็นวัดที่มีควมเชื่อว่าสร้างไว้เพื่อตรึงเท้าซ้ายของนางยักษ์ตนหนึ่ง ที่นอนทอดร่างปิดทับประเทศทิเบตและเทือกเขาหิมาลัยไว้
จากนั้นเพลิดเพลินกับ การช้อบปิ้ง ณ พาโร สตรีท ซื้อของฝากของที่ระลึก ตามอัธยาศัย
|
เย็น |
บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร พร้อมชม การแสดงท้องถิ่นของชาวภูฏาน แสดงวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาวภูฏานในเทศกาลงานประเพณีต่างๆ
|
ที่พัก |
Kichu Resort Hotel หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน
|
|
: พาโร ~ กรุงเทพ |
เช้า |
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารนำท่านออกเดินทางสู่ สนามบินพาโร
|
10.35 น. |
เหินฟ้าสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Bhutan Airlines เที่ยวบินที่ B3-700 (มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (เครื่องบินแวะรับส่งผู้โดยสารที่เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดียประมาณ 45 นาที ***ไม่ต้องลงจากเครื่อง***)
|
16.05 น. |
เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ |