

หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์
(e-passport) คืออะไร?
คือ หนังสือเดินทางที่มีคุณลักษณะเฉพาะทางเทคนิค (Technical
Specifications) ตามข้อกำหนดขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
(ICAO) ซึ่งแตกต่างจาก หนังสือเดินทางแบบเดิม ดังนี้
- มีการบันทึกข้อมูลชีวภาพ (biometric data) ได้แก่ ลายนิ้วมือ
รูปใบหน้า ไว้ใน Contactless Integrated Circuit ซึ่งฝังอยู่ในเล่มหนังสือเดินทาง
- สามารถอ่านได้ด้วยเครื่อง Automatic Gate ณ จุดผ่านแดนระหว่างประเทศ
โดยมีการตรวจพิสูจน์โดยอัตโนมัติเพื่อเปรียบเทียบข้อมูลในหนังสือเดินทางกับผู้ถือหนังสือเดินทาง
(1: 1)
หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ดีกว่าหนังสือเดินทางแบบเดิมอย่างไร
- สามารถป้องกันการปลอมแปลงได้สูง เป็นมาตรการสำคัญในการสกัดกั้นขบวนการก่อการร้ายข้ามชาติ
การลักลอบเข้าเมือง ฯลฯ
- สามารถตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ตัวบุคคลได้แม่นยำและรวดเร็ว
อำนวยความสะดวกต่อการเดินทาง การเข้าเมือง และส่งเสริมการท่องเที่ยว
- เสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ ทำให้หนังสือเดินทางไทยมีความน่าเชื่อถือ
และได้รับการยอมรับในระดับสากลยิ่งขึ้น ส่งผลต่อเนื่องทางบวกด้านเศรษฐกิจการค้า
การลงทุนและการท่องเที่ยวของประเทศ
หลักฐานการขอมีหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับบุคคลทั่วไป
บัตรประจำตัวประชาชนที่มีเลข 13 หลัก
การยื่นคำร้อง
การยื่นคำร้อง ผู้ร้องต้องมายื่นคำร้องด้วยตนเอง
เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการบันทึกข้อมูลชีวภาพ (ถ่ายภาพใบหน้าและลายพิมพ์นิ้วมือ)
โดยมีขั้นตอนดังนี้
- รับบัตรคิว
- พบเจ้าหน้าที่เพื่อวัดส่วนสูงเก็บข้อมูลชีวภาพ ถ่ายรูปและเก็บลายพิมพ์นิ้วมือด้วยเครื่องสแกนเนอร์
นิ้วชี้ขวาและซ้ายข้างละ 2 ครั้ง
- ลงชื่อในใบคำร้อง
- ชำระเงินค่าธรรมเนียม
- รับใบเสร็จรับเงินและใบนัดจ่ายเล่ม
ค่าธรรมเนียม
กระทรวงการต่างประเทศยังคงคิดค่าธรรมเนียมหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์เท่าหนังสือเดินทางที่ใช้ในปัจจุบัน
คือ ราคาเล่มละ 1,000 บาทและมีอายุใช้งาน 5 ปี เช่นเดียวกับหนังสือเดินทางปัจจุบันแต่ได้เพิ่มหน้าจากเดิม
32 หน้าเป็น 50 หน้า
การต่ออายุหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์
- เพื่อให้หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์มีประสิทธิภาพการใช้งานได้สูงสุด
จึงกำหนดให้หนังสือเดินทางชนิดนี้มีอายุ ใช้งาน 5 ปี
- หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์จะไม่มีการต่ออายุ แต่จะออกหนังสือเดินทางเล่มใหม่แทนเล่มเดิม
- ไม่อนุญาตให้ลงบันทึกแก้ไขเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงข้อความใด
ๆ (เช่นการขอเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล) ของผู้ถือหนังสือเดินทางลงในเล่มหนังสือเดินทาง
เพื่อป้องกันปัญหาการขาดความน่าเชื่อถือของข้อมูลตัวบุคคลที่บันทึกไว้ในหน้าหนังสือเดินทาง
ซึ่งอาจขัดแย้งกับข้อมูลที่บันทึกไว้แล้วในไมโครชิพ ดังนั้นหากแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลกระทรวงมหาดไทยเรียบร้อยแล้วต้องทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่
การเพิ่มหน้าประทับตรวจลงตรา(visa)
ในเล่มหนังสือเดินทาง
ผู้ที่ใช้หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ เข้า-ออกราชอาณาจักรบ่อยครั้ง
ทำให้หน้าวีซ่าหมดก่อนอายุของหนังสือเดินทาง ซึ่งในระบบเดิมสามารถเพิ่มหน้าวีซ่าได้
สำหรับหนังสือเดินทางระบบใหม่ ผู้ถือหนังสือเดินทางฯ ไม่สามารถยื่นคำร้องขอเพิ่มหน้าได้
ทั้งนี้ เนื่องจาก
- สถานทูตสถานกงสุลของต่างประเทศหลายแห่งปฏิเสธการตรวจลงตราบนใบเพิ่มหน้า
เนื่องจากเป็นวิธีการที่ไม่ได้มาตรฐานสากลและง่ายต่อการปลอมแปลง
- ใบเพิ่มหน้าก่อให้เกิดความไม่สะดวกแก่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองในการค้นหาตราประทับการตรวจลงตรา
และเห็นว่า ควรยกเลิกการใช้ใบเพิ่มหน้าเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
- หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ต้องอ่านด้วยเครื่องอ่าน
(reader) หากมีการเพิ่มหน้าในหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์
จะทำให้เล่มมีความหนามากกว่าช่องวางหนังสือเดินทางที่ติดตั้ง
ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองในต่างประเทศ การไม่สามารถวางหนังสือเดินทางบนเครื่องอ่าน
จะทำให้การอ่านข้อมูลในไมโครชิพมีปัญหาจะทำให้ผู้ถือจะไม่ได้รับความสะดวกในการเข้าเมือง
ระยะเวลาเริ่มใช้หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์
กำหนดให้บริการออกหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์
ดังนี้
- ระยะแรก (26 พฤษภาคม 2548) เปิดให้บริการหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ประเภททูตและราชการ
ที่อาคารกรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ
- 1 มิถุนายน 2548 เปิดให้บริการออกหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์โครงการนำร่องสำหรับประชาชนวันละประมาณ
100 เล่ม ที่กรมการกงสุล อาคารถนนแจ้งวัฒนะ เพียงแห่งเดียว
โดยประชาชนสามารถยื่นคำขอหนังสือเดินทางแบบเดิมที่ใช้อยู่ในปัจจุบันต่อไปจนถึงวันที่
29 กรกฎาคม 2548 สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางแบบเดิมที่ใช้อยู่ในปัจจุบันสามารถใช้ต่อไปได้จนกว่าจะหมดอายุ
- ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2548 เป็นต้นไป เปิดให้บริการออกหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกแห่ง
ทั้งที่กรมการกงสุล สำนักงานสาขาทั้งในกรุงเทพฯ (ปิ่นเกล้า
บางนา) ต่างจังหวัด (ขอนแก่น เชียงใหม่ และหาดใหญ่) และสถานเอกอัครราชทูต
สถานกงสุลไทยในต่างประเทศทั้ง 86 แห่ง ทั่วโลก
การรับเล่ม
- ผู้ร้องสามารถรับหนังสือเดินทางได้ 2 วันทำการภายหลังจากวันยื่นคำร้อง
- โดยที่กระทรวงฯได้ติดตั้งเครื่องอ่านหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์จำลองเพื่อผู้ร้องสามารถทดสอบการผ่านเข้า-ออกท่าอากาศยานโดยอัตโนมัติไว้
1 เครื่อง ที่กรมการกงสุล ดังนั้นจึงแนะนำให้ผู้ขอหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์มารับเล่มด้วยตนเอง
เพื่อให้ผู้ถือหนังสือเดินทางมีความคุ้นเคย กับการใช้หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์และระบบตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ
- ในกรณีจำเป็น อาจมอบอำนาจให้ผู้อื่นรับแทน/อาจร้องขอให้จัดส่งทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ
ท่านจะได้รับหนังสือเดินทาง
ดังนี้
- หากยื่นที่กรมการกงสุล ผู้ร้องสามารถรับหนังสือเดินทางได้
2 วันทำการไม่นับวันยื่นคำร้อง หากรับทางไปรษณีย์จะได้รับใน
5 วันทำการ
- หากยื่นที่สำนักงานสาขาในกรุงเทพฯ (ปิ่นเกล้าและบางนา)
ผู้ร้องจะได้รับเล่มภายใน 2 วันทำการไม่นับวันยื่นคำร้อง
หากรับทางไปรษณีย์จะได้รับใน 5 วันทำการ
- กรณียื่นคำร้องที่สำนักงานสาขาในต่างจังหวัดและขอให้จัดส่งทางไปรษณีย์ผู้ร้อง
(ในเขตเมือง) จะได้รับหนังสือเดินทางภายใน 5 วันทำการ
- คำแนะนำ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ติดตั้งเครื่องอ่านหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์อัตโนมัติจำลองที่กรมการกงสุล
1 เครื่อง เพื่อให้ผู้ร้องทดสอบการผ่านเข้า-ออกท่าอากาศยานโดยเครื่องอ่านหนังสือเดินทางอีเล็กทรอนิกส์
จึงใคร่ขอแนะนำให้ผู้ขอหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มารับเล่มด้วยตนเองทดสอบการใช้งาน
เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับการใช้หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์และระบบตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ
- ในกรณีจำเป็น ไม่สามารถมารับเล่มด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นรับแทนหรือแจ้งความประสงค์ขอรับเล่มทางไปรษณีย์ด่วน
ลงทะเบียน (EMS)
แนวทางปฏิบัติ การรับเล่มหนังสือเดินทาง
1. กรณีต้องนำเอกสารมาแสดงเพิ่มเติมในวันรับเล่ม เอกสารที่ตำมาแสดงต้องเป็นต้นฉบับ
(พร้อมสำเนา)
2. นำหนังสือเดินทางเล่มเดิมมายกเลิก เพื่อรับหนังสือเดินทางฉบับใหม่
3. หากมอบอำนาจให้ผู้อื่นรับหนังสือเดินทางแทน ให้กรอกข้อความการมอบอำนาจใน
ใบรับหนังสือเดินทาง พร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขอหนังสือเดินทางและของผู้รับแทน
*** เพื่อความสะดวกของท่านกรุณาอ่านวิธีการรับหนังสือเดินทางใน
ใบรับหนังสือเดินทาง
บุคคลบรรลุนิติภาวะ
- เอกสารประกอบการขอหนังสือเดินทางธรรมดาของบุคคลบรรลุนิติภาวะ
- บัตรประจำตัวประชาชนที่ยังมีอายุใช้งาน หรือ บัตรข้าราชการ
หรือ บัตรประจำตัวที่ใช้แทนตามกฎกระทรวงมหาดไทยฉบับจริง
(ในกรณีที่เป็นบัตรข้าราชการให้นำสำเนาทะเบียนบ้านมาด้วย)
- หากมีรายการแก้ไขชื่อสกุล หรือวันเดือนปีเกิด ฯลฯ
ซึ่งไม่ตรงกับบัตรประชาชนให้นำหลักฐานการแก้ไขที่เกี่ยวข้องมาแสดงด้วย
หากมีรายการแก้ไขชื่อสกุล หรือวันเดือนปีเกิด ฯลฯ
ซึ่งไม่ตรงกับบัตรประชาชนให้นำหลักฐานการแก้ไขที่เกี่ยวข้องมาแสดงด้วย
ทั้งนี้ เอกสารที่นำมาแสดงต้องเป็นต้นฉบับ หากเป็นสำเนาต้องผ่านการรับรองสำเนาถูกต้องจากหน่วยงานที่ออกเอกสารนั้น
- ค่าธรรมเนียม
- การทำหนังสือเดินทางใหม่เสียค่าธรรมเนียม 1,000
บาท
ผู้เยาว์อายุต่ำกว่า
15 ปี
ระเบียบการขอหนังสือเดินทางของผู้เยาว์อายุต่ำกว่า
15 ปี
ผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี ต้องนำสูติบัตรฉบับจริงมาแสดง
หากเป็นสำเนาต้องได้รับการรับรองสำเนาถูกต้องจาก อำเภอ/เขตหรือหน่วยงานที่ออกเอกสารนั้น
พร้อมบิดามารดาหรือผู้มีอำนาจปกครอง หากบิดามารดาหรือผู้มีอำนาจปกครองไม่สามารถมาดำเนินการด้วยตนเอง
สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาดำเนินการแทนได้ โดยต้องมีหนังสือมอบอำนาจ
และหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศ พร้อมทั้งบัตรประจำตัวประชาชนของบิดามารดาและ/หรือผู้มีอำนาจปกครองฉบับจริงมาแสดง
ทั้งนี้หนังสือมอบอำนาจและหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศต้องเป็นเอกสารที่อำเภอ/เขตออกให้
- เอกสารประกอบการขอหนังสือเดินทางธรรมดาของผู้เยาว์อายุต่ำกว่า
15 ปี
- สูติบัตรฉบับจริง หากเป็นสำเนาต้องผ่านการรับรองจากอำเภอ/เขตหรือหน่วยงานที่ออกเอกสารนั้น
- บัตรประจำตัวประชาชนที่ยังมีอายุใช้งานของบิดา
มารดา หรือผู้มีอำนาจปกครองฉบับจริง หรือ บัตรที่ใช้แทนได้ตามกฎกระทรวงมหาดไทย
หากชื่อ นามสกุลของบิดา มารดาในสูติบัตรไม่ตรงกับชื่อ
นามสกุลของบิดา มารดาในบัตรประจำตัวประชาชน ให้นำหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ
หรือ นามสกุลที่เป็นต้นฉบับมาแสดงด้วย
- ในกรณีที่มารดาหย่า และจดทะเบียนสมรสใหม่ และใช้นามสกุลใหม่ตามสามีให้นำหลักฐานการหย่าและการจดทะเบียนสมรสที่เป็นต้นฉบับมาแสดงด้วย
- ในกรณีที่บิดา/มารดาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สามารถมาลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ในการยื่นคำร้อง
ต้องมีหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศที่เขตและอำเภอออกให้
พร้อมบัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริงของบิดา มารดาที่ไม่สามารถมาลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่
- เอกสารอื่น ๆ ที่จำเป็น(ต้องเป็นเอกสารต้นฉบับ
หากเป็นสำเนาต้องผ่านการรับรองสำเนาถูกต้องจากเขตหรืออำเภอ)
อาทิ หลักฐานใบเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล เอกสารหลักฐานการรับรอง
บุตรหรือรับบุตรบุญธรรม บันทึกการหย่า ซึ่งมีข้อความระบุให้บุตรอยู่ในความดูแลของบิดา
หรือมารดา เป็นต้น
- กรณีบิดา/มารดาผู้เยาว์เสียชีวิต บิดาหรือมารดาผู้เยาว์เป็นชาวต่างชาติมิได้จดทะเบียนสมรส
และไม่สามารถตามหาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาให้ความยินยอมได้
หรือกรณีบิดามารดามิได้จดทะเบียนสมรสแต่บุตรอยู่ในความดูแลของบิดาฝ่ายเดียวมาโดยตลอด
และไม่สามารถตามหามารดามาลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ได้
ให้นำคำสั่งศาลซึ่งระบุชื่อผู้มีอำนาจปกครอง พร้อมบัตรประจำตัวประชาชน(ฉบับจริง)ของผู้มีอำนาจปกครองมาแสดง
- ค่าธรรมเนียม
- การทำหนังสือเดินทางใหม่เสียค่าธรรมเนียม 1,000
บาท
ผู้เยาว์อายุ 15 ปีขึ้นไปแต่ยังไม่ครบ
20 ปีบริบูรณ์
ระเบียบการขอหนังสือเดินทางของผู้เยาว์อายุ
15 ปีขึ้นไปแต่ยังไม่ครบ 20 ปี บริบูรณ์
ผู้เยาว์ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปแต่ยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์
ที่ทำบัตรประชาชนแล้วสามารถติดต่อขอทำหนังสือเดินทางด้วยตนเอง
โดยต้องมีหนังสือยินยอมของบิดาและมารดา หรือ ผู้มีอำนาจปกครองที่ยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศที่เขตหรืออำเภอออกให้มาแสดง
หากไม่มีหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศที่เขตหรืออำเภอออกให้มาแสดง
ให้บิดาและมารดาหรือผู้มีอำนาจปกครองมาลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ในวันที่ยื่นคำร้อง
พร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับจริง) หากบิดามารดาหรือผู้มีอำนาจปกครองไม่สามารถมาลงนามในวันยื่นคำร้อง
ให้มาลงนามในวันรับเล่ม หากในวันรับเล่มไม่สามารถมาลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ได้
ต้องมีหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศที่เขตหรืออำเภอออกให้มาแสดง
พร้อมบัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริงของบิดามารดาหรือผู้ปกครองมาแสดง
โปรดทราบ เพื่อความสะดวกในวันรับเล่ม บิดามารดาหรือผู้ปกครองควรมาลงนามในวันยื่นคำร้อง
เพราะการมาลงนามในวันรับเล่ม นอกจากท่านจะไม่สามารถขอรับเล่มทางไปรษณีย์แล้ว
ท่านจะต้องเสียเวลารอการบันทึกเอกสารลงในระบบอีกด้วย
- อกสารประกอบการขอหนังสือเดินทางธรรมดาของผู้เยาว์ที่มีอายุ
15 ปีขึ้นไป แต่ยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์
- บัตรประจำตัวประชาชนที่ยังมีอายุใช้งาน(ฉบับจริง)
หรือ บัตรประจำตัวที่ใช้แทนตามกฎกระทรวง มหาดไทย
- หนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศที่เขตหรืออำเภอออกให้
พร้อมบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ปกครองพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
- เอกสารอื่น ๆ ที่จำเป็น(ต้องเป็นเอกสารต้นฉบับ
หากเป็นสำเนาต้องผ่านการรับรองสำเนาถูกต้องจากเขตหรืออำเภอ)
อาทิ หลักฐานใบเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล เอกสารหลักฐานการรับรองบุตรหรือรับบุตรบุญธรรมใบสำคัญการสมรส
ทะเบียนสมรส ทะเบียนหย่า ทะเบียนบ้าน คำสั่งศาลกรณีระบุผู้มีอำนาจปกครองแทนบิดามารดา
เป็นต้น
- ค่าธรรมเนียม
- การทำหนังสือเดินทางเสียค่าธรรมเนียม 1,000 บาท
ความหมายของผู้มีอำนาจปกครอง
- กรณีบิดาและมารดาจดทะเบียนสมรส บิดาและมารดาต้องมาลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ในคำร้องขอหนังสือเดินทาง
หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สะดวกมาลงนามในวันที่ผู้เยาว์ยื่นคำร้อง
ให้มาลงนามในวันรับเล่มได้ หรือมีหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศที่เขตหรืออำเภอออกให้มาแสดง
พร้อมบัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริงของบิดามารดาที่มีอายุใช้งาน
- กรณีที่ผู้มีอำนาจปกครองอยู่ต่างประเทศ ให้ทำหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศ
ผ่านสถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุลไทยในประเทศที่พำนักอยู่
- หากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี และผู้ปกครองไม่สามารถมาลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ด้วยตนเองและประสงค์จะมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาดำเนินการแทน
ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ และหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศ
โดยหนังสือทั้ง 2 ฉบับ ต้องผ่านการรับรองจาก เขต/อำเภอ
หรือ สถานทูต/สถานกงสุล
- กรณีบิดามารดาจดทะเบียนหย่า ให้ผู้มีอำนาจปกครองผู้เยาว์ตามที่ระบุในบันทึกการหย่าเป็นผู้ลงนามพร้อมแสดงทะเบียนหย่า
และบันทึกการหย่า(ต้องเป็นเอกสารต้นฉบับ หากเป็นสำเนาต้องผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง)
- ผู้เยาว์ที่เกิดจากบิดามารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรส เด็กเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของมารดา
มารดาสามารถลงนามได้ฝ่ายเดียว โดยให้นำบันทึกคำให้การ(ป.ค.14)จากอำเภอ/เขตยืนยันว่าไม่ได้จดทะเบียนสมรส
มาแสดงพร้อมบัตรประจำตัวประชาชนที่มีอายุใช้งานที่ระบุคำนำหน้าเป็น
“นางสาว” ต่อเจ้าหน้าที่รับคำร้อง
- ผู้เยาว์ที่เกิดจากมารดาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่ใช้คำนำหน้า
“นาง” สามารถลงนามได้ฝ่ายเดียว โดยให้นำหนังสือรับรองการอุปการะบุตรแต่เพียงผู้เดียว(ป.ค.14)จากอำเภอ/เขต
มาแสดง
- ผู้เยาว์ที่เกิดจากบิดามารดาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส
เด็กเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของมารดา มารดาต้องมาลงนามให้ความยินยอม
บิดาไม่สามารถลงนามยินยอมให้ผู้เยาว์เพียงฝ่ายเดียว เว้นแต่ว่ามีคำสั่งศาลมาแสดงว่าศาลให้บิดาเป็นผู้อุปการะผู้เยาว์แต่ผู้เดียว
ทั้งนี้ คำสั่งศาลต้องเป็นเอกสารที่ศาลได้รับรองสำเนาถูกต้อง
- บิดามารดายกผู้เยาว์ให้เป็นบุตรบุญธรรมของผู้อื่น ไม่สามารถลงนามยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศ
แทนบิดามารดาบุญธรรม ต้องให้บิดา มารดาบุญธรรมเป็นผู้ลงนาม
- เอกสารประกอบการยื่นคำร้องขอหนังสือเดินทางต้องเป็นเอกสารต้นฉบับ
หากเป็นสำเนาต้องได้รับการรับรองสำเนาถูกต้องจากหน่วยงานที่ออกเอกสารดังกล่าวเท่านั้น
ข้อควรปฏิบัติในวันมายื่นคำร้อง
- กรณีผู้เยาว์ บิดาและมารดา ทั้งสองฝ่าย หรือผู้มีอำนาจปกครองต้องมาลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ในวันยื่นคำร้องขอหนังสือเดินทาง
- หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สะดวกมาลงนามในวันที่ผู้เยาว์ยื่นคำร้อง
แม้จะได้รับการอนุโลมให้มาลงนามในวันรับเล่มแต่ก็จะไม่ได้รับความสะดวกในวันรับเล่ม
เพราะต้องเสียเวลารอการบันทึกข้อมูลเอกสารในระบบและไม่สามารถใช้บริการรับเล่มทางไปรษณีย์
ดังนั้น จึงควรมายื่นคำร้องในวันที่บิดาและมารดา ทั้งสองฝ่ายพร้อมและสามารถมาลงนามได้
- หนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศ ต้องเป็นเอกสารที่อำเภอ/เขต
หรือเขตออกให้
- บัตรประจำตัวประชาชนที่นำมาแสดงต้องเป็นต้นฉบับและยังมีอายุใช้งาน
- เอกสารประกอบอื่นๆ เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ นามสกุล ทะบียนสมรส
ทะเบียนหย่า ทะเบียนรับบุตรบุญธรรมฯลฯ ต้องเป็นเอกสารต้นฉบับ
หากเป็นสำเนาต้องผ่านการรับรองจากเขต/อำเภอ หรือหน่วยงานที่ออกเอกสารนั้น
- ควรตรวจสอบเอกสารให้ครบถ้วน หากนำเอกสารมาแสดงในวันยื่นคำร้องไม่ครบถ้วน
แม้จะได้รับการอนุโลมให้นำมาแสดงเพิ่มเติมในวันรับเล่ม
แต่จะทำให้การรับเล่มล่าช้า เนื่องจากต้องใช้เวลาในการบันทึกข้อมูลเอกสารที่นำมาแสดงเพิ่มเติมลงในระบบให้ครบถ้วน
หนังสือเดินทางทูต
ตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง
พ.ศ.2548 ข้อ 6 กำหนดให้ออกหนังสือเดินทางทูตแก่บุคคลดังต่อไปนี้
- พระบรมวงศ์และพระนัดดาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
- พระอนุวงศ์ชั้นพระองค์เจ้าและคู่สมรส
- พระราชวงศ์และบุคคลสำคัญที่ราชเลขาธิการขอไปเป็นกรณีพิเศษ
- ประธานองคมนตรี และองคมนตรี
- นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี
- ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา
- ประธานศาลฎีกา รองประธานศาลฎีกา และประธานศาลอุธรณ์
- ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานศาลปกครองสูงสุด
- อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ
- ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารเหล่าทัพ
- ข้าราชการที่มีตำแหน่งทางการทูต ซึ่งเดินทางไปราชการในต่างประเทศ
- ข้าราชการที่มีตำแหน่งทางการทูต ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประจำอยู่
ณ ส่วนราชการในต่างประเทศ คู่สมรส และบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งอยู่ในความดูแลของบิดามารดาในประเทศที่ประจำ
อยู่หรือทำการศึกษาอยู่ในประเทศอื่น แต่บุตรจะต้องอายุไม่เกิน
25 ปี
- คู่สมรสที่ร่วมเดินทางไปกับบุคคลดังกล่าวในข้อ (2)
ถึงข้อ (8)
- บุคคลอื่นใดเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการหรือภายใต้พันธกรณีระหว่างประเทศ
หรือภายใต้สถานการณ์พิเศษที่มีความจำเป็น หรือเกี่ยวกับการเผยแพร่ชื่อเสียง
เกียรติคุณของประเทศ หรืออดีตเอกอัครราชทูต หรือในกรณีที่เห็นสมควร
ให้ปลัด กระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศมอบหมาย
มีอำนาจใช้ดุลยพินิจในการอนุมัติ ให้ออกหนังสือเดินทางทูตได้
หนังสือเดินทางทูตมีอายุไม่เกิน 5 ปี (ไม่สามารถต่ออายุ) หรือเมื่อเสร็จภารกิจหรือผู้ถือขาดคุณสมบัติที่จะถือ
หนังสือเดินทางทูต ให้ส่งหนังสือเดินทางทูตนั้นแก่กระทรวงการต่างประเทศ
เอกสารประกอบการขอหนังสือเดินทางทูต
ผู้ร้องต้องมายื่นคำร้องด้วยตนเองเพื่อบันทึกข้อมูลชีวภาพ
ได้แก่ ภาพใบหน้าและลายพิมพ์นิ้วมือ เพื่อนำไปบันทึกลงในไมโครชิพที่ฝังในหนังสือเดินทาง
- กรณีเดินทางไปราชการ
- หนังสือนำจากหน่วยราชการต้นสังกัดลงนามโดยปลัดกระทรวงหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายถึงปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
แจ้งขอให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือเดินทาง โดยแจ้งการอนุมัติให้เดินทางไปราชการ
ณ ประเทศใด พร้อมระบุวัตถุประสงค์และกำหนดการเดินทาง
- สำเนาบันทึกอนุมัติตัวบุคคลให้เดินทางไปราชการต่างประเทศ
โดยมีการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเดินทางไปราชการต่างประเทศ
- บัตรประจำตัวข้าราชการที่มีเลขประจำตัวประชาชน 13
หลัก พร้อมสำเนาทะเบียนบ้าน
- กรณีไปประจำการต่างประเทศ
- หนังสือนำจากหน่วยราชการต้นสังกัดลงนามโดยปลัดกระทรวงหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายถึงปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
- บันทึกจากกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร (กพร.) กระทรวงการต่างประเทศ
ถึงผู้อำนวยการกองหนังสือเดินทางขอความอนุเคราะห์ให้ออกหนังสือเดินทางแจ้งการเดินทางไปรับตำแหน่งทางการทูตพร้อมครอบครัว
และรายละเอียดต่าง ๆ เช่น การเดินทางไปแทนบุคคลซึ่งครบวาระประจำการ
เป็นต้น
- สำเนาบัตรข้าราชการที่มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก
พร้อมสำเนาทะเบียนบ้าน (กรณีคู่สมรสเป็นข้าราชการจะต้องมีใบลาอนุมัติให้ลาติดตามสามีแนบด้วย
หนังสือเดินทางราชการ
ตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง
พ.ศ. 2548 ข้อ 9 กำหนดให้ออกหนังสือเดินทางราชการแก่บุคคลดังต่อไปนี้
- ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่จัดตั้งตามรัฐธรรมนูญ
และสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเดินทางไปราชการในต่างประเทศ
- ข้าราชการซึ่งไปปฏิบัติหน้าที่ประจำอยู่ ณ สถานเอกอัครราชทูตหรืสถานกงสุลไทย
หรือ ในคณะทูตถาวรประจำองค์การระหว่างประเทศในตำแหน่งอื่นที่มิใช่ตำแหน่งทางการทูต
รวมทั้ง คู่สมรส และบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งอยู่ในความดูแลของบิดามารดาที่ประจำอยู่
หรือทำการศึกษาอยู่ในประเทศอื่น แต่บุตรต้องอายุไม่เกิน
25 ปี
- บุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ไปราชการต่างประเทศ
- บุคคลอื่นใดเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการหรือในกรณีที่เห็นสมควรเป็นพิเศษ
หรือ เกี่ยวกับการเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณของประเทศ
ให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศหรือที่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศมอบหมาย
มีอำนาจใช้ดุลยพินิจในการอนุมัติให้ออกหนังสือเดินทางได้
หนังสือเดินทางราชการมีอายุไม่เกิน5 ปี หรือเมื่อเสร็จภารกิจหรือผู้ถือขาดคุณสมบัติที่จะถือหนังสือดินทางราชการ
ให้ส่งหนังสือเดินทางราชการนั้นแก่กระทรวงการต่างประเทศ
ทั้งนี้ผู้ถือหนังสือเดินทางราชการจะนำไปใช้ในการเดินทางส่วนตัวไม่ได้
เอกสารประกอบการขอหนังสือเดินทางราชการ
ผู้ยื่นคำร้องขอหนังสือเดินทาง ต้องมาดำเนินการด้วยตนเอง
เนื่องจากต้องเก็บข้อมูลชีวภาพของผู้ถือหนังสือเดินทาง ได้แก่
ภาพใบหน้า และลายพิมพ์นิ้วมือ เพื่อนำไปบันทึกลงในไมโครชิพที่ฝังในหนังสือเดินทาง
- เอกสารที่ต้องเตรียมมาในวันยื่นคำร้อง
- หนังสือนำจากต้นสังกัดระดับปลัดกระทรวง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายถึงปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
ขอให้ออกหนังสือเดินทาง โดยแจ้งการอนุมัติให้ผู้ยื่นคำร้องเดินทางไปราชการ
ให้ระบุประเทศ กำหนดวันเวลาที่จะเดินทาง
- สำเนาบันทึกหรือสำเนาคำสั่งที่อนุมัติตัวบุคคลให้เดินทางไปราชการ
แสดงรายละเอียดการเบิกค่าใช้จ่ายได้ตามสิทธิซึ่งอยู่ในหลักเกณฑ์ตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ(ประกอบด้วย
ค่าเบี้ยเลี้ยง, ค่าที่พัก, ค่าพาหนะเดินทาง ฯลฯ) กรณีที่ได้รับทุนสนับสนุนจากที่อื่น
เช่น จากต่างประเทศ หรือหน่วยงานในประเทศ ขอเอกสารที่เกี่ยวข้องประกอบ
- สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการ และบัตรประจำตัวประชาชนที่มีเลข
13 หลัก
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- กรณีเป็นพนักงานของรัฐ หรือ พนักงานมหาวิทยาลัย โปรดนำหลักฐานแสดงระยะเวลาการปฏิบัติงานกับต้นสังกัด
เช่น สัญญาการจ้างมาแสดง เพื่อประกอบการพิจารณากำหนดอายุการใช้งานของหนังสือเดินทาง
- ค่าธรรมเนียม
- ในการขอหนังสือเดินทางราชการ 1,000 บาท สามารถนำใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานเบิกคืนจากหน่วยงานต้นสังกัด
การขอหนังสือนำไปขอรับการตรวจลงตรา
(VISA)
กรณีขอหนังสือเดินทางราชการพร้อมหนังสือนำเพื่อการตรวจลงตรากับสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลต่างประเทศในไทย
จะต้องถ่ายสำเนาหน้าหนังสือนำที่มีถึงปลัดกระทรวงการต่างประเทศมาด้วย
1 ชุด
หนังสือเดินทางพระ
เอกสารประกอบการทำหนังสือเดินทางพระภิกษุสามเณร
- เอกสารแสดงการได้รับอนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศ ตามนัยระเบียบมหาเถรสมาคม
ว่า ด้วยวิธีปฏิบัติในการไปต่างประเทศสำหรับพระภิกษุสามเณร
(หนังสืออนุมัติจาก ศ.ต.ภ.)
- ใบสุทธิพระภิกษุสามเณร
- สำเนาทะเบียนบ้าน/วัด
- สำเนาใบตราตั้ง กรณีประสงค์ให้ระบุสมณศักดิ์ในหนังสือเดินทาง
- ค่าธรรมเนียม
- การทำหนังสือเดินทางเสียค่าธรรมเนียม 1,000 บาท
หนังสือเดินทางเพื่อไปประกอบพิธีฮัจญ์
เอกสารประกอบการทำหนังสือเดินทางเพื่อไปประกอบพิธีฮัจญ์
- หนังสือรับรองจากสำนักจุฬาราชมนตรีหรือคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดรับรองการไปประกอบพิธีฮัจญ์
- บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรที่ใช้แทนได้ตามกฎกระทรวงมหาดไทย
- ถ้าผู้ไปประกอบพิธีฮัจญ์เป็นผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะให้ยึดระเบียบการทำหนังสือเดินทางของผู้เยาว์อายุต่ำกว่า
15 ปี หรือ ผู้เยาว์ที่มีอายุระหว่าง 15-20 ปี แล้วแต่กรณี
- ค่าธรรมเนียม
- การทำหนังสือเดินทางเพื่อไปประกอบพิธีฮัจญ์ มีค่าธรรมเนียม
400 บาท และหนังสือเดินทางมี อายุ 2 ปี
สถานที่ในการยื่นคำร้องขอหนังสือเดินทาง
กรมการกงสุล
123 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
โทรศัพท์ 0 2981 7257
วันจันทร์-ศุกร์ 08.00-15.30 น.
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ปิ่นเกล้า
อาคาร SC Plaza สถานีขนส่งกรุงเทพ (สายใต่ใหม่) ถนนบรมราชชนนี
โทรศัพท์ 0 2422 3431
วันจันทร์-ศุกร์ 08.30-15.30 น.
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางนา
ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์ ชั้น 2 โซน E
โทรศัพท์ 0 2136 3800-01
วันจันทร์-ศุกร์ 08.30-15.30 น.
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว มีนบุรี
ศูนย์การค้าบิ๊กซี สุวินทวงศ์ ชั้น 2 แขวงมีนบุรี กรุงเทพฯ 10510
โทรศัพท์ 0 2024 8362
วันจันทร์-ศุกร์ 08.30-15.30 น.
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว จังหวัดขอนแก่น
ศูนย์ราชการจังหวัดขอนแก่น ถนนศูนย์ราชการ จังหวัดขอนแก่น
โทรศัพท์ 0 4324 2707, 0 4324 2655
วันจันทร์-ศุกร์ 08.30-16.30 น.
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว จังหวัดเชียงใหม่
ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ ถนนโชตนา ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ 0 5389 1535-6
วันจันทร์-ศุกร์ 08.00-16.30 น.
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว จังหวัดเชียงราย
อาคารองค์การบริหารส่วนจังหวัดหลังใหม่ ถนนศูนย์ราชการ ตําบลริมกก อําเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
โทรศัพท์ 053 175 375
วันจันทร์-ศุกร์ 08.00-16.30 น.
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว จังหวัดสงขลา
ศาลากลางจังหวัดสงขลา (หลังเก่า) ชั้น 1 ถนนราชดำเนิน อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา 9000
โทรศัพท์ 0 7432 6510
วันจันทร์-ศุกร์ 08.00-16.30 น.
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว จังหวัดอุบลราชธานี
อาคารสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัด
โทรศัพท์ 0 4534 4581-2
วันจันทร์-ศุกร์ 08.00-16.30 น.
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ศาลาประชาคม ถนนหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84000
โทรศัพท์ 0 7727 4940, 0 7727 4942-3
วันจันทร์-ศุกร์ 08.00-16.30 น.
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว จังหวัดนครราชสีมา
ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ถนนมหาดไทย อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา 30000
โทรศัพท์ 0 4424 3132 , 0 4424 3124
วันจันทร์-ศุกร์ 08.00-16.30 น.
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว จังหวัดอุดรธานี
ศูนย์อเนกประสงค์ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี (ตรงข้ามกับศาลหลักเมือง) ถนนอธิบดี อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี 41000
โทรศัพท์ 0 4221 2827, 0 4221 2318
วันจันทร์-ศุกร์ 08.00-16.30 น.
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว จังหวัดพิษณุโลก
ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก ถนนเทพารักษ์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 65000
โทรศัพท์ 0 5525 8173, 0 5525 8155
วันจันทร์-ศุกร์ 08.00-16.30 น.
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว จังหวัดยะลา
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ถนนสุขยางค์ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา 95000
โทรศัพท์ 0 7327 4526 , 0 7327 4036
วันจันทร์-ศุกร์ 08.00-16.30 น.
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว จังหวัดภูเก็ต
ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ถนนนริศร อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต 83000
โทรศัพท์ 0 7622 2080-81
วันจันทร์-ศุกร์ 08.00-16.30 น.
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว เมืองพัทยา
ศูนย์การค้า ดิ อเวนิว ชั้น 1 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี 20150
โทรศัพท์ 0 3842 2438
วันจันทร์-ศุกร์ 10.00-18.00 น.
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว จังหวัดนครสวรรค์
ศูนย์บริการร่วมจังหวัดนครสวรรค์ ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ถนนพหลโยธิน อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ 60000
โทรศัพท์ 0 5623 3453-4
วันจันทร์-ศุกร์ 08.00-16.30 น.
สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว จังหวัดจันทบุรี
อาคารลานค้าชุมชน ถนนเลียบเนิน ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี 22000
โทรศัพท์ 039 301 706-9
วันจันทร์-ศุกร์ 08.00-16.30 น.
ข้อมูลเพิ่มเติม หนังสือเดินทางเป็นเอกสารอันมีค่าไม่ควรให้ตกไปอยู่ในความครอบครองของบุคคลที่มิได้รับมอบหมาย
บุคคลสัญชาติไทยถือหนังสือเดินทางได้ฉบับเดียว เมื่อหนังสือเดินทางมีอายุน้อยกว่า
6 เดือน (ใช้เดินทางไม่ได้) สามารถนำมาขอต่ออายุได้อีก 5 ปี
หรือหากต้องการหนังสือเดินทางฉบับใหม่จะต้องนำฉบับเดิมมายกเลิกก่อน
หากหนังสือเดินทางสูญหายผู้ถือจะต้องแจ้งกองหนังสือเดินทาง
หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น หรือสถานทูตสถานกงสุลไทยทราบทันที
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.mfa.go.th |